
การทำงานในที่ อับอากาศ
พื้นที่ อับอากาศ จากสถิติการบาดเจ็บและเสียชีวิต จากการทำงานในพื้นที่อับอากาศของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขปี พ.ศ. 2546 – 2557 พบว่าได้มีเหตุเกิดขึ้นจำนวนกว่า 14 ครั้ง และในนั้นมีจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 45 ราย เหตุการณ์เกิดขึ้นภายในโรงงานอุตสาหกรรม 10 ครั้งภายนอกโรงงานอีก 4 ครั้ง โดยสถิติคนงานที่ประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิตจากการทำงานในพื้นที่อับอากาศมีแนวโนมสูงขึ้นทุกปี หลายคนอาจจะได้ยินคำว่าอับอากาศอยู่บ่อย ๆ และสงสัยว่าอับอากาศคืออะไร เราจะมาอธิบายและหาคำตอบกัน
อับอากาศ หรือ Confined Space ตามความหมายของกฎกระทรวง ให้คำจำกัดความไว้ว่า “ เป็นที่ซึ่งมีทางเข้าออกจำกัดและมีการระบายอากาศไม่เพียงพอที่จะทำให้อากาศภายในอยู่ในสภาพที่ไม่ถูกสุขลักษณะและปลอดภัย ” ยกตัวอย่างพื้นที่ๆ จะเรียกได้ว่าเป็นพื้นที่อับอากาศ เช่น ถ้ำ อุโมงค์ บ่อหลุม ห้องใต้ดินอาคาร ห้องนิรภัย ท่อ เตา เป็นต้น และถ้าพื้นที่นั้นมีสารเคมีหรือก๊าซที่ติดไฟได้ ก็จะยิ่งทำให้เกิดความอันตรายมากขึ้นในการทำงานในที่อับอากาศ

เครดิตภาพ : 3mdelivery.com
การฝึกอบรมพื้นที่อับอากาศ
พื้นที่อับอากาศนั้นอันตรายและต้องระมัดระวังอย่างมาก เราจึงต้องเรียนรู้วิธีการป้องกันตนเองเพื่อความปลอดภัย เมื่ออยู่ในพื้นที่อับอากาศ ปัจจุบันเมื่อเราลองค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตจะพบได้ว่าประเทศไทย มีศูนย์ฝึกอบรมโดยเฉพาะอยู่หลายแห่ง การฝึกอบรมการทำงานในที่อับอากาศอย่างปลอดภัย ศูนย์ฝึกปฏิบัติงาน 3M เป็นศูนย์ฝึกที่ผ่านการรับรองหลักสูตร คุณภาพและมาตรฐานจากกระทรวงแรงงาน แต่ละปีจะมีคนแวะเวียนเข้ามาฝึกฝนมากกว่า 1,000 คน
เมื่อเข้าไปภายในพื้นที่ฝึกอบรม ก็จะพบกับ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีวอนามัย บริษัท 3เอ็ม ประเทศไทย จำกัด ที่จะมาให้ข้อมูลกับเราโดยเริ่มตั้งแต่ภาคทฤษฎีจนกระทั่งถึงภาคปฏิบัติกันเลยทีเดียว
โดยก่อนจะเข้าไปฝึกอบรมทำงานในที่อับอากาศ ผู้เชี่ยวชาญ 3เอ็ม จะย้ำกับเราว่าบริเวณที่เป็นที่อับอากาศจะต้องติดป้ายบอกไว้ให้ชัดเจนว่า จุดนี้คือ “ ที่อับอากาศ อันตราย ห้ามเข้า ”

เครดิตภาพ : 3mdelivery.com
ส่วนสิ่งที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของผู้ที่ทำงานในที่อับอากาศคือผู้อนุญาติ ผู้ควบคุมผู้ปฏิบัติและผู้ช่วยเหลือมีดังนี้
ตรวจสอบสภาพร่างกายให้พร้อมกับการลงไปปฏิบัติงานในที่อับอากาศโดยผู้ปฏิบัติงานต้องมีสุขภาพร่างกาย และภาวะทางจิตปกติ ต้องไม่เป็นผู้ป่วยจิตเวช ประเภท PHOBIA ที่กลัวที่มืดที่แคบหรือกลัวความสูง
ตรวจสอบอุปกรณ์การทำงาน และอุปกรณ์ช่วยชีวิตทุกครั้งก่อนปฏิบัติงาน เพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานได้ในกรณีฉุกเฉิน
ตรวจสอบสภาพอากาศภายในที่อับอากาศว่าปลอดภัยต่อการทำงานหรือไม่ โดยออกซิเจนจะต้องมากกว่า 19.5% หรือไม่เกิน 23.5% โดยประมาณอุปกรณ์ตรวจวัดอากาศจะต้องเป็นสิ่งแรกที่เข้าไปในพื้นที่ และขึ้นมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่คนสุดท้ายเสมอ มีวิธีประเมินแบบง่าย ๆ ว่าอากาศในพื้นที่เป็นพิษหรือไม่เป็นพิษ มีเพียงพอหรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าให้ดูจากกลุ่ม ที่เราจะลงไปช่วยเหลือหากลงไป 3 คนหมดสติทั้ง 3 คน หมายความว่าอากาศบริเวณนั้นมีโอกาสเป็นพิษ แต่ถ้าลงไป 3 คน แล้วหมดสติ 1 คนหมายความว่า อากาศบริเวณนั้นอาจจะไม่มีพิษ แต่อาจจะเบาบางไม่เพียงพอ เมื่อเรารู้ข้อมูลเบื้องต้นก็จะนำไปสู่การเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่พื้นที่กันได้อย่างถูกต้อง
ในกรณีที่พบว่าที่อับอากาศมีสารเคมีที่เป็นอันตราย เราควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเป็นสารเคมีประเภทใด เพื่อเตรียมตัวป้องกันและรับมือได้อย่างถูกวิธี
เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นในที่อับอากาศกรณีมีสารเคมีที่อันตราย ควรรีบช่วยเหลือผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุอย่างรวดเร็ว ภายใน 4 นาที เพราะการขาดอากาศหายใจในเวลานานอาจส่งผลกระทบต่อสมองและได้รับอันตรายได้
ไม่ควรช่วยเหลือผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุในที่อับอากาศด้วยตนเอง โดยขาดอุปกรณ์ช่วยชีวิตเด็ดขาด เพราะเราอาจได้รับอันตรายและอาจจะช่วยผู้บาดเจ็บไม่ได้ด้วย
สำหรับการแต่งกายที่ถูกต้องเพื่อเข้าพื้นที่อับอากาศที่ถูกต้องนั้น ต้องประกอบด้วยชุด Safety แว่นตา หมวกถุงมือนิรภัย ถังอากาศหน้ากากกันสารพิษและชุดที่ใส่อุปกรณ์ที่ต้องไม่รัดผู้สวมใส่แน่นจนเกินไป เพราะจะทำให้หายใจไม่สะดวก และเพื่อให้เลือดไหลเวียนได้ดี ส่วนอุปกรณ์หลัก ๆ จะมีลักษณะเป็นแบบ 3 ขา หรือ 4 ขา แล้วแต่รุ่นของอุปกรณ์นั้น ๆ และควรจะพกสายสำหรับการโรยตัวลงในพื้นที่ ๆ เป็นหลุมลึก ทำการตรวจสอบว่าอุปกรณ์คล้องกับฐานและยึดผู้ปฏิบัติงานกันดีแล้ว ก็ถึงเวลาเข้าสู่พื้นที่อับอากาศ ที่สำคัญคือ “ ภาษามือ ” เป็นอีกสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ที่ลงไปช่วยเหลือกับผู้ที่อยู่ด้านบนที่จะต้องสื่อสารกันตลอด
การชูนิ้วชี้ขึ้น หมายถึงผู้ปฏิบัติงานยังมีสติอยู่หากนิ้วชี้ตก หมายถึง หมดสติ
กรณีที่ต้องการให้หยุดผู้ปฏิบัติงานจะต้องกำมือ และเมื่อเท้าถึงพื้น จะต้องแบมือ
หลังจากที่เข้าไปในสถานที่อับอากาศแล้วการช่วยเหลือจะต้องทำอย่างรวดเร็วที่สุด โดยกรณีอากาศไม่มีพิษ แต่มีผู้บาดเจ็บ อาจจะแขนหัก ขาหักศีรษะแตก จะต้องปฐมพยาบาลก่อนเคลื่อนย้ายจากนั้นจะใช้รอกเกี่ยวผู้บาดเจ็บกับตัวผู้ช่วยเหลือเพื่อช่วยพยุงร่างกายให้ขึ้นสู่พื้นที่ปลอดภัย
ส่วนกรณีพื้นที่อากาศเป็นพิษ ถึงแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บแค่ไหน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าให้รีบเคลื่อนย้ายทุกคนออกมาก่อน แล้วจึงมาปฐมพยาบาลภายนอกเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายแก่ชีวิตของทุกคน
สุดท้ายให้เราพึงระลึกเสมอว่า “ ในพื้นที่อับอากาศการเตรียมพร้อมและใส่ใจคือสิ่งจำเป็น แม้กฎหมายจะไม่ได้บังคับเรื่องระยะเวลาในการอบรมไว้ก็ตาม แต่โดยหลักการผู้ที่ต้องทำงานในที่อับอากาศควรได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องทุกปีเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อชีวิตเพราะทุกชีวิตสำคัญเท่าเทียมกัน ”
เครดิต : เนื้อหาบางส่วน จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
คำจำกัดความพื้นที่อับอากาศ (Confined Spaces)
พื้นที่อับอากาศ (Confined Spaces) หมายถึง สถานที่ที่มีทางเข้าออกจำกัด มีการระบายอากาศตามธรรมชาติและมีออกซิเจนไม่เพียงพอที่จะทำให้อากาศภายในอยู่ในสภาพถูกสุขลักษณะ และปลอดภัยซึ่งอาจเป็นที่สะสมของสารเคมีเป็น พิษ สารไวไฟ รวมทั้งออกซิเจนน้อยเกินไป ตัวอย่างเช่น ถังน้ำมัน ถ้ำ ถังหมักปุ๋ย ไซโล ห้องใต้ดิน ท่อ ถัง บ่อ อุโมงค์ เตา ภาชนะหรือสิ่งอื่นที่มีลักษณะคล้ายกันนี้ การพิจารณาว่าพื้นที่ใดจัดเป็นพื้นที่อับอากาศ